คืนความสุขให้ทุกก้าว ผ่าตัดข้อเข่าข้อสะโพก

วันที่เผยแพร่: 9 เมษายน 2568

Knee and hip surgery

การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าและข้อสะโพกเทียม: ทางเลือกใหม่เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ปัญหาข้อเข่าและข้อสะโพกเสื่อม เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุและผู้ที่มีน้ำหนักเกิน ทำให้เกิดอาการปวด บวม และจำกัดการเคลื่อนไหว ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก การรักษาด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียมเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้


ข้อเข่าและข้อสะโพกเสื่อม: สาเหตุและอาการ

ข้อเข่าเสื่อม และ ข้อสะโพกเสื่อม เป็นภาวะที่เกิดจากการสึกหรอของกระดูกอ่อนที่หุ้มผิวข้อ ทำให้เกิดการเสียดสีระหว่างกระดูก นำมาซึ่งอาการปวด บวม และการเคลื่อนไหวที่จำกัด สาเหตุหลักของภาวะนี้ ได้แก่:

  • อายุที่เพิ่มขึ้น (อายุมากกว่า 50 ปี)
  • น้ำหนักตัวมากเกินไป
  • การบาดเจ็บซ้ำๆ หรือการใช้งานข้อมากเกินไป
  • โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
  • ความผิดปกติของโครงสร้างกระดูกตั้งแต่กำเนิด
  • พันธุกรรม

อาการของโรคข้อเสื่อมมักเริ่มต้นอย่างช้าๆ และค่อยๆ รุนแรงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เช่น:

  • ปวดข้อเวลาเคลื่อนไหว โดยเฉพาะเมื่อลุกนั่ง เดินขึ้นลงบันได หรือเดินเป็นระยะเวลานาน
  • ข้อฝืด แข็ง โดยเฉพาะหลังตื่นนอนหรือหลังนั่งนานๆ
  • ข้อบวม
  • มีเสียงดังกรอบแกรบเวลาเคลื่อนไหว
  • การเคลื่อนไหวจำกัด
  • กล้ามเนื้อรอบข้ออ่อนแรง
  • ข้อผิดรูป

การวินิจฉัยโรคข้อเข่าและข้อสะโพกเสื่อม

การวินิจฉัยโรคข้อเสื่อมจะเริ่มจากการซักประวัติอาการและการตรวจร่างกายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมกระดูกและข้อ (ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์) การตรวจเพิ่มเติมที่อาจจำเป็น ได้แก่:

1.การถ่ายภาพรังสีทั่วไป (X-ray): เป็นการตรวจพื้นฐานที่สามารถแสดงให้เห็นการตีบแคบของช่องข้อ กระดูกงอก และการเปลี่ยนแปลงของกระดูก

2.การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI): ช่วยให้เห็นรายละเอียดของเนื้อเยื่ออ่อน เช่น กระดูกอ่อน เอ็นข้อต่อ และกล้ามเนื้อ

3.การเจาะน้ำไขข้อ: เพื่อตรวจหาการติดเชื้อหรือภาวะอื่นๆ ที่อาจเป็นสาเหตุของอาการข้อเสื่อม


การรักษาข้อเข่าและข้อสะโพกเสื่อม

การรักษาข้อเสื่อมสามารถแบ่งได้เป็น 2 แนวทางหลัก คือ การรักษาแบบไม่ผ่าตัด และการรักษาด้วยการผ่าตัด

การรักษาแบบไม่ผ่าตัด

1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม: ลดน้ำหนัก หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่กระแทกข้อ

2. การรักษาด้วยยายาแก้ปวด ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ยาคลายกล้ามเนื้อ

3. กายภาพบำบัด: เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อ และเพิ่มความยืดหยุ่น

4. การฉีดสารเข้าข้อ: เช่น สเตียรอยด์ หรือ สารหล่อลื่นข้อ (ไฮยาลูโรแนน)

5. อุปกรณ์ช่วยพยุง: เช่น ไม้เท้า หรือที่พยุงข้อเข่า

การรักษาด้วยการผ่าตัด

เมื่อการรักษาแบบไม่ผ่าตัดไม่ได้ผล และผู้ป่วยยังมีอาการปวดหรือข้อจำกัดในการเคลื่อนไหวที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียมอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม

การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม (Total Knee Arthroplasty)

การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงในผู้ป่วยที่มีอาการปวดเข่ารุนแรงจากข้อเข่าเสื่อม โดยศัลยแพทย์จะตัดกระดูกส่วนที่เสื่อมออก และใส่ข้อเทียมที่ทำจากโลหะและพลาสติกพิเศษเข้าไปแทน


ประเภทของการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม

1.การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมทั้งหมด (Total Knee Replacement): เปลี่ยนพื้นผิวข้อทั้งหมดของข้อเข่า

2.การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมบางส่วน (Partial Knee Replacement): เปลี่ยนเฉพาะส่วนที่เสื่อมของข้อเข่า

3. การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมแบบไม่ตัดเอ็นไขว้ (Cruciate-Retaining): เก็บรักษาเอ็นไขว้ด้านหน้าไว้

4. การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมแบบทดแทนเอ็นไขว้ (Posterior-Stabilized) : เปลี่ยนทั้งเอ็นไขว้ด้านหลังด้วยกลไกพิเศษในข้อเทียม


ขั้นตอนการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม

1. แพทย์จะทำการวางยาสลบผู้ป่วย (อาจเป็นการดมยาสลบทั้งตัว หรือการฉีดยาชาเฉพาะส่วน)

2. ทำการเปิดแผลบริเวณหน้าเข่า

3. ตัดกระดูกส่วนที่เสื่อมออก

4. เตรียมพื้นผิวกระดูกให้เหมาะสมกับข้อเทียม

5. ใส่ชิ้นส่วนข้อเทียมซึ่งประกอบด้วย: 

  • ชิ้นส่วนกระดูกต้นขา (Femoral Component) ทำจากโลหะ
  • ชิ้นส่วนกระดูกหน้าแข้ง (Tibial Component) ทำจากโลหะและมีแผ่นพลาสติกพิเศษรองรับ
  • กระดูกสะบ้า (Patellar Component) ทำจากพลาสติกพิเศษ (อาจมีหรือไม่มีก็ได้)

6. ตรวจสอบการเคลื่อนไหวของข้อเทียม

7. ล้างแผลและเย็บปิด


การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม (Total Hip Arthroplasty)

การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงในผู้ป่วยที่มีอาการปวดสะโพกรุนแรงจากข้อสะโพกเสื่อม โดยศัลยแพทย์จะตัดกระดูกส่วนที่เสื่อมออก และใส่ข้อเทียมที่ทำจากโลหะและพลาสติกพิเศษเข้าไปแทน

ประเภทของการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม

1. การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมทั้งหมด (Total Hip Replacement): เปลี่ยนทั้งเบ้าสะโพกและหัวกระดูกต้นขา

2.  การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมแบบ Resurfacing: เปลี่ยนเฉพาะผิวของหัวกระดูกต้นขา

3.  การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมแบบ Minimally Invasive: ใช้แผลผ่าตัดขนาดเล็ก ลดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อ

ขั้นตอนการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม

1. แพทย์จะทำการวางยาสลบผู้ป่วย (อาจเป็นการดมยาสลบทั้งตัว หรือการฉีดยาชาเฉพาะส่วน)

2. ทำการเปิดแผลบริเวณสะโพก (มีหลายแนวทางขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ศัลยแพทย์เลือกใช้)

3. ตัดกระดูกส่วนที่เสื่อมออก

4. เตรียมพื้นผิวกระดูกให้เหมาะสมกับข้อเทียม

5. ใส่ชิ้นส่วนข้อเทียมซึ่งประกอบด้วย: 

  • เบ้าสะโพกเทียม (Acetabular Component) ทำจากโลหะและมีแผ่นพลาสติกพิเศษรองรับ
  • ก้านสะโพกเทียม (Femoral Stem) ทำจากโลหะที่ใส่เข้าไปในโพรงกระดูกต้นขา
  • หัวกระดูกต้นขาเทียม (Femoral Head) ทำจากโลหะหรือเซรามิก

6. ตรวจสอบการเคลื่อนไหวของข้อเทียม

7. ล้างแผลและเย็บปิด


การฟื้นฟูหลังการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียม

การฟื้นฟูหลังการผ่าตัดมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของการผ่าตัด โดยมีขั้นตอนดังนี้:

การฟื้นฟูหลังการผ่าตัดข้อเข่าเทียม

1. ระยะแรก (1-3 วันหลังผ่าตัด)

  • การบริหารข้อเข่า
  • การลุกเดินโดยใช้อุปกรณ์ช่วย (เช่น วอล์คเกอร์ หรือไม้ค้ำยัน)
  • การควบคุมอาการปวดและบวม

2. ระยะกลาง (1-6 สัปดาห์หลังผ่าตัด)

  • การเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหวของข้อเข่า
  • การเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
  • การฝึกเดินให้มีแบบแผนที่ถูกต้อง

3. ระยะปลาย (6-12 สัปดาห์หลังผ่าตัด)

  • การฝึกทำกิจวัตรประจำวัน
  • การเพิ่มความทนทานของกล้ามเนื้อ
  • การฝึกการทรงตัว

การฟื้นฟูหลังการผ่าตัดข้อสะโพกเทียม

1. ระยะแรก (1-3 วันหลังผ่าตัด)

  • การระวังท่าทางที่อาจทำให้ข้อเคลื่อนหลุด
  • การลุกเดินโดยใช้อุปกรณ์ช่วย
  • การควบคุมอาการปวดและบวม

2. ระยะกลาง (1-6 สัปดาห์หลังผ่าตัด)

  • การเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหวของข้อสะโพก
  • การเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
  • การฝึกเดินให้มีแบบแผนที่ถูกต้อง

3. ระยะปลาย (6-12 สัปดาห์หลังผ่าตัด)

  • การฝึกทำกิจวัตรประจำวัน
  • การเพิ่มความทนทานของกล้ามเนื้อ
  • การฝึกการทรงตัว

ข้อควรระวังหลังการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียม ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียมควรระมัดระวังเรื่องต่อไปนี้:

1. หลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ: โดยเฉพาะการล้ม

2. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีแรงกระแทกสูง: เช่น การวิ่ง การกระโดด

3. ควบคุมน้ำหนักตัว: เพื่อลดภาระต่อข้อเทียม

4. สังเกตอาการผิดปกติ: เช่น ปวด บวม แดง ร้อน ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ

5. พบแพทย์ตามนัด: เพื่อติดตามการทำงานของข้อเทียม


อายุการใช้งานของข้อเข่าและข้อสะโพกเทียม

ข้อเทียมสมัยใหม่มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน โดยทั่วไป:

  • ข้อเข่าเทียม มีอายุการใช้งานประมาณ 15-20 ปี
  • ข้อสะโพกเทียม มีอายุการใช้งานประมาณ 15-25 ปี

อย่างไรก็ตาม อายุการใช้งานของข้อเทียมขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น:

  • อายุและระดับกิจกรรมของผู้ป่วย
  • น้ำหนักตัว
  • คุณภาพกระดูก
  • คุณภาพของวัสดุและการออกแบบข้อเทียม
  • เทคนิคการผ่าตัด

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียม

Q1: อายุเท่าไหร่จึงเหมาะสมกับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียม?

  • ไม่มีข้อจำกัดด้านอายุที่แน่นอน การพิจารณาผ่าตัดขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต

Q2: การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียมเจ็บมากหรือไม่?

  • ปัจจุบันมีเทคนิคการระงับความเจ็บปวดที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมอาการปวดได้ดี

Q3: จะกลับไปใช้ชีวิตปกติได้เมื่อไหร่หลังผ่าตัด?

  • โดยทั่วไป ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ภายใน 6-12 สัปดาห์ แต่ต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีแรงกระแทกสูง

Q4: มีทางเลือกอื่นนอกจากการผ่าตัดหรือไม่?

  • มีการรักษาแบบไม่ผ่าตัดหลายวิธี แต่หากอาการรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบอนุรักษ์ การผ่าตัดอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด

Q5: ข้อเทียมจะเป็นโลหะที่ไวต่อเครื่องตรวจจับโลหะหรือไม่?

  • ข้อเทียมอาจทำให้เครื่องตรวจจับโลหะที่สนามบินส่งสัญญาณได้ ผู้ป่วยควรแจ้งเจ้าหน้าที่และพกบัตรแสดงการมีข้อเทียม

สรุป

การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าและข้อสะโพกเทียมเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปวดและจำกัดการเคลื่อนไหวจากโรคข้อเสื่อม การผ่าตัดช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ ลดอาการปวด และเพิ่มความสามารถในการเคลื่อนไหว

ข้อมูลโดย
นพ.สรณ ยะบุญ
นพ.สรณ ยะบุญ
แพทย์เฉพาะทางชำนาญการด้าน
เท้าและข้อเท้า (Foot and Ankle Surgery)
แพทย์ประจำแผนก กระดูกและข้อ
นพ.สืบสกุล นางนวล
นพ.สืบสกุล นางนวล
อนุสาขาเท้าและข้อเท้า (Foot and Ankle Surgery)
นพ.สรณ ยะบุญ
นพ.สรณ ยะบุญ
เท้าและข้อเท้า (Foot and Ankle Surgery)
นพ.กิติเดช บุญชัย
นพ.กิติเดช บุญชัย
ออร์โธปิดิกส์ ( Orthopaedics )
นพ.นราวิชญ์ คณะนัย
นพ.นราวิชญ์ คณะนัย
ออร์โธปิดิกส์ ( Orthopaedic Surgery )
นพ. กิติเดช บุญชัย
นพ. กิติเดช บุญชัย
อนุสาขาออร์โธปิดิกส์ศัลยศาสตร์กระดูกสันหลัง (Spine Surgery)
นพ.อรุษฆ์ นะลำเลียง
นพ.อรุษฆ์ นะลำเลียง
ออร์โธปิดิกส์ ( Orthopaedics )
นพ.ปวริศร์ พฤฒิถาวร
นพ.ปวริศร์ พฤฒิถาวร
ออร์โธปิดิกส์ ( Orthopaedics )
นพ.ณธัช เลื่อนตามผล
นพ.ณธัช เลื่อนตามผล
ออร์โธปิดิกส์ ( Orthopaedics )
นพ.ธีรภัทร วงศ์ศิริวรรณ
นพ.ธีรภัทร วงศ์ศิริวรรณ
ออร์โธปิดิกส์ ( Orthopaedics )
นพ.ธานี สัจจะบริบูรณ์
นพ.ธานี สัจจะบริบูรณ์
ออร์โธปิดิกส์ ( Orthopaedic Surgery )
นพ.ภัทร มั่งวิทิตกุล
นพ.ภัทร มั่งวิทิตกุล
ออร์โธปิดิกส์ ( Orthopaedics )
นพ.กมลศิลป์ ตียพันธ์
นพ.กมลศิลป์ ตียพันธ์
ออร์โธปิดิกส์ ( Orthopaedics )
นพ.ปกรณ์กิต เจริญชนิกานต์
นพ.ปกรณ์กิต เจริญชนิกานต์
อนุสาขาสะโพกและข้อเข่า (Hip and Knee Surgery)
นพ.พีรุทย์ พิพัฒน์วัฒนะกุล
นพ.พีรุทย์ พิพัฒน์วัฒนะกุล
อนุสาขาอนุสาขาเวชศาสตร์การกีฬา (Sport Medicine)

บทความทางการแพทย์

Title Line
ผู้หญิงหนาว
ตรวจสุขภาพ
เที่ยวสบายใจ ไร้กังวล เสริมภูมิป้องกันไข้หวัดใหญ่ก่อนออกเดินทาง

การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เพื่อลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยระหว่างทริปพักผ่อนที่รอคอย

สาขานครสวรรค์
ผู้หญิงคิด
สูตินรีเวช
PCOS: ภาวะโพลีคิสติกรังไข่ที่ทุกสาวต้องเรียนรู้

เป็นปัญหาทางสุขภาพที่พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบฮอร์โมนและการทำงานของรังไข่ โดยมีผลกระทบทั้งทางร่างกายและจิตใจ

สาขานครสวรรค์
คู่รัก
สูตินรีเวช
อายุเท่าไรถึงเริ่มกังวลเรื่องการมีลูก?

ในยุคปัจจุบันที่วิถีชีวิตของคนเปลี่ยนไป หลายคนมักให้ความสำคัญกับการทำงาน การสร้างฐานะ และการพัฒนาตัวเองก่อนที่จะเริ่มต้นสร้างครอบครัว

สาขานครสวรรค์
facebook messenger iconline icon
สาขานครสวรรค์