คืนความสุขให้ทุกก้าว ผ่าตัดข้อเข่าข้อสะโพก
วันที่เผยแพร่: 9 เมษายน 2568
วันที่เผยแพร่: 9 เมษายน 2568
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าและข้อสะโพกเทียม: ทางเลือกใหม่เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ปัญหาข้อเข่าและข้อสะโพกเสื่อม เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุและผู้ที่มีน้ำหนักเกิน ทำให้เกิดอาการปวด บวม และจำกัดการเคลื่อนไหว ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก การรักษาด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียมเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้
ข้อเข่าและข้อสะโพกเสื่อม: สาเหตุและอาการ
ข้อเข่าเสื่อม และ ข้อสะโพกเสื่อม เป็นภาวะที่เกิดจากการสึกหรอของกระดูกอ่อนที่หุ้มผิวข้อ ทำให้เกิดการเสียดสีระหว่างกระดูก นำมาซึ่งอาการปวด บวม และการเคลื่อนไหวที่จำกัด สาเหตุหลักของภาวะนี้ ได้แก่:
อาการของโรคข้อเสื่อมมักเริ่มต้นอย่างช้าๆ และค่อยๆ รุนแรงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เช่น:
การวินิจฉัยโรคข้อเข่าและข้อสะโพกเสื่อม
การวินิจฉัยโรคข้อเสื่อมจะเริ่มจากการซักประวัติอาการและการตรวจร่างกายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมกระดูกและข้อ (ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์) การตรวจเพิ่มเติมที่อาจจำเป็น ได้แก่:
1.การถ่ายภาพรังสีทั่วไป (X-ray): เป็นการตรวจพื้นฐานที่สามารถแสดงให้เห็นการตีบแคบของช่องข้อ กระดูกงอก และการเปลี่ยนแปลงของกระดูก
2.การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI): ช่วยให้เห็นรายละเอียดของเนื้อเยื่ออ่อน เช่น กระดูกอ่อน เอ็นข้อต่อ และกล้ามเนื้อ
3.การเจาะน้ำไขข้อ: เพื่อตรวจหาการติดเชื้อหรือภาวะอื่นๆ ที่อาจเป็นสาเหตุของอาการข้อเสื่อม
การรักษาข้อเข่าและข้อสะโพกเสื่อม
การรักษาข้อเสื่อมสามารถแบ่งได้เป็น 2 แนวทางหลัก คือ การรักษาแบบไม่ผ่าตัด และการรักษาด้วยการผ่าตัด
การรักษาแบบไม่ผ่าตัด
1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม: ลดน้ำหนัก หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่กระแทกข้อ
2. การรักษาด้วยยา: ยาแก้ปวด ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ยาคลายกล้ามเนื้อ
3. กายภาพบำบัด: เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อ และเพิ่มความยืดหยุ่น
4. การฉีดสารเข้าข้อ: เช่น สเตียรอยด์ หรือ สารหล่อลื่นข้อ (ไฮยาลูโรแนน)
5. อุปกรณ์ช่วยพยุง: เช่น ไม้เท้า หรือที่พยุงข้อเข่า
การรักษาด้วยการผ่าตัด
เมื่อการรักษาแบบไม่ผ่าตัดไม่ได้ผล และผู้ป่วยยังมีอาการปวดหรือข้อจำกัดในการเคลื่อนไหวที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียมอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม (Total Knee Arthroplasty)
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงในผู้ป่วยที่มีอาการปวดเข่ารุนแรงจากข้อเข่าเสื่อม โดยศัลยแพทย์จะตัดกระดูกส่วนที่เสื่อมออก และใส่ข้อเทียมที่ทำจากโลหะและพลาสติกพิเศษเข้าไปแทน
ประเภทของการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม
1.การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมทั้งหมด (Total Knee Replacement): เปลี่ยนพื้นผิวข้อทั้งหมดของข้อเข่า
2.การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมบางส่วน (Partial Knee Replacement): เปลี่ยนเฉพาะส่วนที่เสื่อมของข้อเข่า
3. การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมแบบไม่ตัดเอ็นไขว้ (Cruciate-Retaining): เก็บรักษาเอ็นไขว้ด้านหน้าไว้
4. การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมแบบทดแทนเอ็นไขว้ (Posterior-Stabilized) : เปลี่ยนทั้งเอ็นไขว้ด้านหลังด้วยกลไกพิเศษในข้อเทียม
ขั้นตอนการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม
1. แพทย์จะทำการวางยาสลบผู้ป่วย (อาจเป็นการดมยาสลบทั้งตัว หรือการฉีดยาชาเฉพาะส่วน)
2. ทำการเปิดแผลบริเวณหน้าเข่า
3. ตัดกระดูกส่วนที่เสื่อมออก
4. เตรียมพื้นผิวกระดูกให้เหมาะสมกับข้อเทียม
5. ใส่ชิ้นส่วนข้อเทียมซึ่งประกอบด้วย:
6. ตรวจสอบการเคลื่อนไหวของข้อเทียม
7. ล้างแผลและเย็บปิด
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม (Total Hip Arthroplasty)
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงในผู้ป่วยที่มีอาการปวดสะโพกรุนแรงจากข้อสะโพกเสื่อม โดยศัลยแพทย์จะตัดกระดูกส่วนที่เสื่อมออก และใส่ข้อเทียมที่ทำจากโลหะและพลาสติกพิเศษเข้าไปแทน
ประเภทของการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม
1. การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมทั้งหมด (Total Hip Replacement): เปลี่ยนทั้งเบ้าสะโพกและหัวกระดูกต้นขา
2. การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมแบบ Resurfacing: เปลี่ยนเฉพาะผิวของหัวกระดูกต้นขา
3. การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมแบบ Minimally Invasive: ใช้แผลผ่าตัดขนาดเล็ก ลดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อ
ขั้นตอนการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม
1. แพทย์จะทำการวางยาสลบผู้ป่วย (อาจเป็นการดมยาสลบทั้งตัว หรือการฉีดยาชาเฉพาะส่วน)
2. ทำการเปิดแผลบริเวณสะโพก (มีหลายแนวทางขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ศัลยแพทย์เลือกใช้)
3. ตัดกระดูกส่วนที่เสื่อมออก
4. เตรียมพื้นผิวกระดูกให้เหมาะสมกับข้อเทียม
5. ใส่ชิ้นส่วนข้อเทียมซึ่งประกอบด้วย:
6. ตรวจสอบการเคลื่อนไหวของข้อเทียม
7. ล้างแผลและเย็บปิด
การฟื้นฟูหลังการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียม
การฟื้นฟูหลังการผ่าตัดมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของการผ่าตัด โดยมีขั้นตอนดังนี้:
การฟื้นฟูหลังการผ่าตัดข้อเข่าเทียม
1. ระยะแรก (1-3 วันหลังผ่าตัด)
2. ระยะกลาง (1-6 สัปดาห์หลังผ่าตัด)
3. ระยะปลาย (6-12 สัปดาห์หลังผ่าตัด)
การฟื้นฟูหลังการผ่าตัดข้อสะโพกเทียม
1. ระยะแรก (1-3 วันหลังผ่าตัด)
2. ระยะกลาง (1-6 สัปดาห์หลังผ่าตัด)
3. ระยะปลาย (6-12 สัปดาห์หลังผ่าตัด)
ข้อควรระวังหลังการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียม ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียมควรระมัดระวังเรื่องต่อไปนี้:
1. หลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ: โดยเฉพาะการล้ม
2. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีแรงกระแทกสูง: เช่น การวิ่ง การกระโดด
3. ควบคุมน้ำหนักตัว: เพื่อลดภาระต่อข้อเทียม
4. สังเกตอาการผิดปกติ: เช่น ปวด บวม แดง ร้อน ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ
5. พบแพทย์ตามนัด: เพื่อติดตามการทำงานของข้อเทียม
อายุการใช้งานของข้อเข่าและข้อสะโพกเทียม
ข้อเทียมสมัยใหม่มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน โดยทั่วไป:
อย่างไรก็ตาม อายุการใช้งานของข้อเทียมขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น:
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียม
Q1: อายุเท่าไหร่จึงเหมาะสมกับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียม?
Q2: การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียมเจ็บมากหรือไม่?
Q3: จะกลับไปใช้ชีวิตปกติได้เมื่อไหร่หลังผ่าตัด?
Q4: มีทางเลือกอื่นนอกจากการผ่าตัดหรือไม่?
Q5: ข้อเทียมจะเป็นโลหะที่ไวต่อเครื่องตรวจจับโลหะหรือไม่?
สรุป
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าและข้อสะโพกเทียมเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปวดและจำกัดการเคลื่อนไหวจากโรคข้อเสื่อม การผ่าตัดช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ ลดอาการปวด และเพิ่มความสามารถในการเคลื่อนไหว